1. แรงดันลมยางต้องดี!
แรงดันลมยางมาตรฐานของรถยนต์อยู่ที่ 2.3-2.8 บาร์ โดยทั่วไป 2.5 บาร์ก็เพียงพอแล้ว! แรงดันลมยางที่ไม่เพียงพอจะเพิ่มแรงต้านการหมุนอย่างมาก เพิ่มอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง 5-10% และเสี่ยงต่อการระเบิดของยาง! แรงดันลมยางที่มากเกินไปจะลดอายุการใช้งานของยาง!
2. การขับขี่ที่ราบรื่นคือความประหยัดน้ำมันที่สุด!
พยายามหลีกเลี่ยงการเหยียบคันเร่งแรงๆ ขณะออกตัว และขับขี่ด้วยความเร็วคงที่อย่างนุ่มนวลเพื่อประหยัดน้ำมัน ถนนที่รถติดจะมองเห็นถนนข้างหน้าได้อย่างชัดเจนและหลีกเลี่ยงการเบรกกะทันหัน ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยประหยัดน้ำมันเท่านั้น แต่ยังช่วยลดการสึกหรอของรถอีกด้วย
3. หลีกเลี่ยงการจราจรติดขัดและการเดินเบาเป็นเวลานาน
อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงของเครื่องยนต์ขณะเดินเบาจะสูงกว่าปกติมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรถติดอยู่ในการจราจรติดขัด ซึ่งถือเป็นอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงที่มากที่สุด ดังนั้น ควรหลีกเลี่ยงถนนที่รถติด หลุมบ่อ และถนนที่ไม่เรียบ (การขับขี่ด้วยความเร็วต่ำเป็นเวลานานจะทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง) ขอแนะนำให้ใช้แผนที่บนมือถือเพื่อตรวจสอบเส้นทางก่อนออกเดินทาง และเลือกเส้นทางที่ไม่มีสิ่งกีดขวางซึ่งระบบแสดงไว้
4.เปลี่ยนเกียร์ด้วยความเร็วที่เหมาะสม!
การเปลี่ยนเกียร์ยังส่งผลต่อการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงอีกด้วย หากเปลี่ยนเกียร์ต่ำเกินไป จะทำให้เกิดคราบคาร์บอนได้ง่าย หากเปลี่ยนเกียร์สูงเกินไป จะไม่ช่วยประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง โดยทั่วไปแล้ว การเปลี่ยนเกียร์ที่ความเร็ว 1800-2500 รอบต่อนาที ถือเป็นช่วงความเร็วที่ดีที่สุด
5. อย่าแก่เกินไปที่จะเร่งความเร็วหรือเร่งความเร็ว
โดยทั่วไปแล้ว การขับรถที่ความเร็ว 88.5 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ถือว่าประหยัดน้ำมันมากที่สุด โดยเมื่อเพิ่มความเร็วเป็น 105 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันจะเพิ่มขึ้น 15% และเมื่อเพิ่มความเร็วเป็น 110 ถึง 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันจะเพิ่มขึ้น 25%
6. อย่าเปิดหน้าต่างด้วยความเร็วสูง~
เมื่อขับรถด้วยความเร็วสูง อย่าคิดว่าการเปิดหน้าต่างจะช่วยประหยัดน้ำมันได้มากกว่าการเปิดเครื่องปรับอากาศ เพราะการเปิดหน้าต่างจะเพิ่มแรงต้านของอากาศอย่างมาก แต่จะทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันมากขึ้น
7. บำรุงรักษาตามระยะและสิ้นเปลืองน้ำมันน้อย!
จากสถิติพบว่าเครื่องยนต์ที่บำรุงรักษาไม่ดีจะทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้น 10% หรือ 20% ถือเป็นเรื่องปกติ ในขณะที่ไส้กรองอากาศที่สกปรกก็อาจทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้น 10% ได้เช่นกัน เพื่อรักษาสมรรถนะสูงสุดของรถยนต์ ควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องทุกๆ 5,000 กิโลเมตรและตรวจสอบไส้กรอง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อการดูแลรักษารถยนต์
8. ควรทำความสะอาดท้ายรถบ่อยๆ~
การกำจัดสิ่งของที่ไม่จำเป็นในท้ายรถสามารถลดน้ำหนักของรถและยังช่วยประหยัดพลังงานได้อีกด้วย ความสัมพันธ์ระหว่างน้ำหนักรถและอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นสัดส่วนกัน กล่าวกันว่าน้ำหนักรถที่ลดลงทุกๆ 10% จะทำให้อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงลดลงหลายเปอร์เซ็นต์เช่นกัน
เวลาโพสต์: 03 พ.ค. 2565